การเริ่มต้นให้เราเป็นคนคิดดี พูดดี ทำดี ต้องทำอย่างไรดีค่ะ วันนี้เรามีบทความมาฝากกันนะคะ
ในการเริ่มต้นเป็นคนดีคือ การรักเคารพนับถือตนเอง ก่อนอื่นเราต้องเชื่อมั่นและเข้าใจว่าตนเองเป็นคนที่สำคัญที่สุดในโลก ไม่มีใครที่เหมือนเรา เราเป็นคนดี กระตือรือร้นและสามารถสร้างตนเองให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอนไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพียงแต่เริ่มการพัฒนาจากจิตใจและแนวคิดว่า “เราทำได้ เราต้องพัฒนาได้ ๆ” การมีทัศนคติที่เป็นบวกคนเราจะประสบความสำเร็จได้จากการมองโลกตามที่เป็นจริง ไม่ใช่ตามที่เราอยากให้เป็น การมองโลกตามความเป็นจริง เป็นอย่างไร? ความจริงก็คือโลกเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงและแตกดับอยู่เสมอตลอดเวลา ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนและยั่งยืน แม้แต่ความคิดของเรา “คิดลบเราก็ทุกข์ทั้งกายและใจ คิดบวกเมื่อไรเราก็สุขกายและใจเมื่อนั้น” การคิดบวกทำให้เรามีความสุขเพราะขณะที่เรารู้สึกสุขกายสุขใจนั้นเป็นสภาพจิตที่โล่ง โปร่ง เบา สบาย เหมาะแก่การทำความดี ดังนั้นคนเราจะประสบความสำเร็จได้จะต้องหมั่นฝึกฝนตน หมั่นสร้างความรู้สึกสุขโดยการมีทัศนคติเชิงบวกเสมอ การเลือกคบคนและการมีกัลยาณมิตรที่ดีการคบคนต้องเลือกคบคนที่ชี้แนะและชักนำเราไปในทางที่ดี วิธีประเมินคนคือ คนที่เราคบหาสมาคมด้วยนั้นนำเราไปในทางกุศลหรืออกุศล ยิงคบแล้วเราสามารถพัฒนาตนเองเพิ่มมากขึ้นได้หรือเปล่า นอกจากการคบคนแล้ว การมีกัลยาณมิตรที่ดี เช่น หนังสือธรรมะดี ๆ, การค้นหาข้อมูลในเว็บที่ดี ๆ ก็สามารถเป็นกัลยาณมิตรที่ดีได้เช่นกัน การมีระเบียบวินัยในตนเองการที่คนเราจะมีการคิดดี พูดดี ทำดี ได้นั้น คนนั้นจะต้องเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตนเอง เป็นคนตรงต่อเวลา เพราะพื้นฐานของการพัฒนาคน พัฒนาตน ต้องเริ่มจากการมีวินัยในตนเองเป็นสำคัญการมีจิตใจจดจ่อและกระทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอคนเราส่วนมากมักจะทำอะไรเหมือน “ไฟไหม้ฟาง” คือ ทำชั่วประเดี๋ยวประด๋าว อยากให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็วพลัน ไม่สามารถรอคอยผลสำเร็จได้ หากเราต้องการประสบความสำเร็จ เราจะต้องมีจิตใจจดจ่อและต้องฝึกหัดให้เป็นคน คิดเป็น รอผลในขณะที่ยังไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็น และต้องมีแนวคิดที่ว่า “การกระทำนี้ นี่เป็นขบวนการที่จะนำไปสู่ผลสำเร็จที่เราต้องการ” ก็ค่อย ๆ ลงมือทำไปตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีความสุขในขณะที่ทำ เหมือนทำงานแต่ไม่ได้ทำ ไม่เคร่งเครียดจนเกินไปนัก การพากเพียรพยายามอย่างไม่ย่อท้อหากเราได้เรียนรู้และสามารถตัดสินใจได้แล้วว่า “เส้นทางนี้ วิธีการนี้สามารถนำพาเราไปสู่ผลสำเร็จ” ตามที่เราตั้งเจตนาไว้ได้ ก็ขอให้เราพากเพียรพยายามอย่างไม่ลดละและเลิกราง่าย ๆ เปรียบเสมือนเวลาเราเข็นรถ ตอนแรกเป็นธรรมดาที่เราจะต้องออกแรงมากหน่อย และเมื่อรถสามารถเคลื่อนที่ไปได้แล้ว การออกแรงก็น้อยลง หากมองเห็นง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน หากเราอยากรับประทานผลไม้ เราก็ต้องตัดสินใจว่าเราจะรับประทานผลไม้อะไร จะหามาได้อย่างไร และมีอุปกรณ์ที่เราต้องเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง หากเราต้องการเฉาะผลไม้ดิบ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งหรือมะม่วงเราจำเป็นต้องออกแรงเฉาะเพื่อจะได้ลิ้มรสอันหวานกรอบของผลไม้นั้น ถ้าเราทำสิ่งใดก็ต้องพยายามให้บรรลุผลสิ่งนั้นแม้จะต้องเหนื่อยหรือออกแรงมากกว่าปกติก็ตาม ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมดานั่นเอง การหมั่นวิเคราะห์และประเมินผล
ในหลักแห่งการคิดดี ทำดี พูดดีนั้น
เราจำเป็นต้องมีการหมั่นวิเคราะห์และประเมินผล ว่าทำอย่างไรจึงจะไปสู่ผลสำเร็จนั้น
หากมีเวลาตัวกำหนดเป้าหมายแล้ว ยังไม่สามารถไปถึงเป้าหมายนั้นได้
เราต้องหันมาวิเคราะห์และสร้างเหตุปัจจัยในการนำไปสู่เป้าหมายนั้น ๆ ให้จงได้
ที่กล่าวมาทั้ง 7 ประการนี้
เป็นเพียงหลักการเบื้องต้นที่จะนำเราไปสู่การคิดดี พูดดีและทำดี
ในการพูดหรือเขียนนั้นสามารถทำได้ง่ายมากๆ เหมือนเราพูดว่า “ทำนา” นั้นง่าย
แต่กว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นต้องอาศัยความรู้ เวลาประสบการณ์ ต้องหว่าน ไถ ดำ
คราด เป็นต้น แต่ในการปฏิบัตินั้นเราต้องทำเอง
ต้องนำตนเองไปลงสนามจริงถึงจะเกิดผลและในที่สุดผลที่เกิดก็จะกลายเป็นปัจจัยหนุนนำเราไปสู่สถานที่ดี
ๆ ผู้คนที่ดี ๆ ย้อนมาให้เราได้คิดดี พูดดี ทำดี ยิ่ง ๆ
ขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
“ประตูแห่งความสุข ความสำเร็จ
ย่อมเปิดรับบุคคลที่หลักการและลงมือปฏิบัติให้เกิดผล”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น